ความคืบหน้าเกี่ยวกับการจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)

05 มกราคม 2564

ตามที่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการและและศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งรับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของการบินไทย เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2563 และศาลล้มละลายกลาง
ได้มีคำสั่งให้การบินไทยฟื้นฟูกิจการและตั้งคณะผู้ทำแผนตามที่การบินไทย เสนอ เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2563 โดยสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้ลงโฆษณาคำสั่งตั้งผู้ทำแผนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2563 ซึ่งจะครบกำหนดระยะเวลา 3 เดือนตามกฎหมายที่ผู้ทำแผนต้องส่งแผนฟื้นฟูกิจการต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในวันที่ 2 มกราคม 2564 นั้น

นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร กรรมการบริษัท และรักษาการแทนกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา ผู้ทำแผนได้ยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลางเพื่อขอขยายระยะเวลาการส่งแผนฟื้นฟูกิจการตามกฎหมาย โดยขอขยายระยะเวลาส่งแผนออกไปอีกเป็นเวลา 1 เดือนนับแต่วันครบกำหนดเดิม เนื่องจากแผนฟื้นฟูกิจการของการบินไทย ประกอบด้วยส่วนที่เป็นสาระสำคัญหลายประการที่จำเป็นต้องพิจารณาวิเคราะห์และกำหนดรูปแบบการปรับโครงสร้างหนี้ โครงสร้างทุนและโครงสร้างองค์กรอย่างรอบด้าน อีกทั้งยังต้องคำนึงถึงข้อกฎหมาย ข้อสัญญาที่มีกับพนักงานและคู่ค้าตลอดจนเจ้าหนี้ทั้งหลาย และยังต้องให้สอดคล้องกับประมาณการทางการเงิน ความสามารถในการชำระหนี้ตลอดจนแผนธุรกิจในอนาคต บุคคลที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายจึงจำเป็นที่จะต้องใช้เวลาพิจารณาจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการของการบินไทยอย่างละเอียดถี่ถ้วน ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อเจ้าหนี้ทุกฝ่าย นอกจากนี้ การบินไทยยังต้องพูดคุยและทำความเข้าใจกับเจ้าหนี้และผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนในหลักการต่าง ๆ ที่อยู่ในร่างแผนฟื้นฟูกิจการเพื่อให้เห็นพ้องกับหลักการต่าง ๆ นั้นด้วย เพื่อให้มั่นใจว่าแผนฟื้นฟูกิจการจะได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมเจ้าหนี้ ซึ่งศาลล้มละลายกลางได้พิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้การบินไทยขยายระยะเวลาการส่งแผนฟื้นฟูกิจการออกไปจนถึงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2564

โดยนายชาญศิลป์ฯ เปิดเผยต่อไปว่า หลังจากนั้น เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะจัดประชุมเจ้าหนี้เพื่อพิจารณาแผนฟื้นฟูกิจการ และศาลล้มละลายกลางจะมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนและแต่งตั้งผู้บริหารแผน ซึ่งการบินไทยจะดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการและจะแจ้งให้เจ้าหนี้ รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหลายทราบถึงความคืบหน้าใด ๆ ในการฟื้นฟูกิจการรวมถึงความคืบหน้าอื่นเพิ่มเติมต่อไป